Q & A เรื่องการขอตำแหน่งทางวิชาการ

ตอบ : การยื่นขอตำแหน่งทางวิชาการ มีผลต่อการพิจารณาต่อสัญญาจ้างงาน 10 ปี (หากอยู่ระหว่างเตรียมผลงาน หรืออยู่ระหว่างการยื่นขอ มหาวิทยาลัยจะพิจารณาต่อสัญญาจ้างงาน 10 ปีให้) 

ตอบ : กรณีอาจารย์ได้รับวุฒิเพิ่มขึ้น (วุฒิ ป.เอก) จะนับระยะเวลา การปฏิบัติงานก่อนได้รับวุฒิ (ในวุฒิ ป.โท) และหลังได้รับวุฒิ (ในวุฒิ ป.เอก) รวมกันได้ตามสัดส่วนของระยะเวลาที่กำหนดไว้ ในคุณสมบัติเฉพาะตำแหน่ง (อ้างอิงตามข้อบังคับ มฟล. ว่าด้วย หลักเกณฑ์และวิธีการแต่งตั้งและถอดถอน ผศ. รศ. และ ศ. พ.ศ. 2562 ข้อ 12.2 วรรคสาม และตัวอย่างการคำนวณระยะเวลา ในเอกสารแนบท้าย ข้อบังคับฯ หน้า 46)

ตอบ : ได้ ในกรณีที่มหาวิทยาลัยได้รับเรื่องไว้พิจารณาแล้วก่อนวันที่ผู้ขอตำแหน่งทางวิชาการเกษียณอายุราชการ ลาออกไป หรือถึงแก่กรรม มหาวิทยาลัยจะดำเนินการพิจารณาต่อไปจนเสร็จสิ้น โดยไม่มีการแก้ไขปรับปรุงหรือเพิ่มเติมผลงานทางวิชาการอีก

ตอบ : ผลงานที่ได้รับการ accept ไม่สามารถนำมายื่่นเสนอขอกำหนดตำแหน่งได้ มหาวิทยาลัยจะรับพิจารณาผลงานเมื่ีอผลงานมีการระบุหมายเลข DOI หรือเลขหน้า เท่านั้น

ตอบ : เมื่อเสนอขอตำแหน่งทางวิชาการแล้วไม่ผ่านตามเกณฑ์ สามารถเสนอขอใหม่ได้ทันทีหากมีผลงานทางวิชาการเพิ่มขึ้น

ตอบ : ไม่ได้ หากประสงค์เสนอ ให้เสนอก่อนวันที่ได้รับอนุมัติให้ไปศึกษา/อมรม และการขอให้ขอเฉพาะกรณีปกติ

ตอบ : กรณีทำวิจัยหลัง 19 ก.ย. 62 (วันที่ประกาศข้อบังคับฯ) หากผลงานทางวิชาการมีการใช้ข้อมูลจากการทำวิจัยในคนหรือสัตย์ ผู้ขอจะต้องยื่นหลักฐานแสดงการอนุญาตจากคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยของมหาวิทยาลัยที่มีการดำเนินการ กรณีทำวิจัยก่อน 19 ก.ย. 62 จะขึ้นอยู่กับผลงานทางวิชาการแต่ละประเภท ซึ่งหากมีการทำวิจัยในคนหรือสัตว์ ผู้ขอก็จะต้องยื่นหลักฐานฯ เช่นกัน

ตอบ : หากเป็นผลงานฯ ที่ทำไม่เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาเพื่อสำเร็จการศึกษา (ในวุฒิปริญญาเอก) สามารถนำมายื่นเสนอขอกำหนดตำแหน่งทางวิชาการได้

ตอบ : ได้ ซึ่งผู้ขอสามารถนำผลการประเมินผลการสอนมาใช้ยื่นเสนอขอได้ภายใน 1 ปี หลังจากที่ได้ทำการประเมินผลการสอนจากคณะอนุกรรมการประเมินผลการสอน (ตามข้อบังคับฯ 2562 ข้อ 15.3)

ตอบ : หากไม่สามารถติดต่อผู้ร่วมงานให้ลงนามรับรองได้ครบทุกคนให้ดำเนินการดังนี้
(1) กรณีที่ไม่สามารถติดต่อผู้ร่วมงานทุกคนให้ลงนามรับรองได้ ให้ระบุจำนวนผู้ร่วมงานทุกคนและให้ถือว่าผู้ร่วมงานทุกคนมีส่วนร่วมในผลงานทางวิชาการเท่าเทียมกัน
(2) กรณีผู้ร่วมงานบางคนไม่สามารถลงนามรับรองการมีส่วนร่วมในผลงานทางวิชาการได้ ให้มีการลงนามรับรองโดยหัวหน้าสาขาวิชาหรือคณบดี และผู้ขอเป็นอย่างน้อย พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลความจำเป็นที่ผู้นั้นไม่สามารถลงนามได้ หรือเหตุผลที่ไม่สามารถระบุการมีส่วนร่วมของผู้นั้นให้ชัดเจนเพื่อประกอบการพิจารณา
ทั้งนี้ ให้คณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเป็นผู้พิจารณาเหตุผลความจำเป็นดังกล่าว (ตามเอกสารแนบท้ายข้อบังคับฯ พ.ศ. 2562 ข้อ 1.3)